วันอาทิตย์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

>>>>คำแถลงฉบับเต็ม-หน.กลุ่มใต้ดินรวมภาคใต้สั่งทุกหน่วยหยุดปฏิบัติการพร้อมอยู่ภายใต้'ในหลวง'

เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 17 กรกฎาคม สถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 นำเทปบันทึกภาพคำประกาศของกลุ่มใต้ดินรวมภาคใต้ของประเทศไทย ร่วมกันประกาศหยุดปฏิบัติการในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ระบุว่า ข้าพเจ้าในฐานะโฆษกของกลุ่มใต้ดินรวมทางของภาคใต้ของประเทศไทย ซึ่งได้ปฏิบัติการมานานหลาย 10 ปีแล้ว ขอประกาศให้ประชาชนชาวไทยทราบว่า ทางกลุ่มใต้ดินรวมมีมติเป็นเอกฉันท์ประกาศคำสั่งให้มีการหยุดยิง ณ วันที่ 14 กรกฎาคม 2008 หรือ พ.ศ.2551 เวลา 12.00 น. ซึ่งตรงกับ 14 รายัด 1419 ปีฮิจเราะฮฺ หน่วยต่อสู้ทุกกลุ่มของเรา ทั้งฝ่ายทหารและฝ่ายการเมืองจะสนับสนุนการเกิดสันติภาพในภาคใต้ของประเทศไทยนับจากนี้เป็นต้นไป เนื่องจากปัญหาการขัดแย้งนี้เริ่มต้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1909 หรือ พ.ศ.2452 ซึ่งใกล้จะครบ 100 ปีแล้ว เพราะฉะนั้นพวกเราจึงตัดสินใจที่จะหยุดข้อพิพาทนี้นับจากวันนี้ (17 กรกฎาคม) เป็นต้นไป พวกเราหวังว่าจะนำความสุขกลับคืนมาสู่ประเทศไทย เพื่อให้ประชาชนได้มีความอยู่ดีกินดี
พวกเราขอให้หน่วยทหารทุกหน่วยทุกกองของเรา ตลอดจนหน่วยทางการเมืองยึดมั่นในคำสั่งการประกาศหยุดยิง ซึ่งหมายถึงให้มีการหยุดและเพิกถอนคำสั่งในการปฏิบัติการต่างๆ ในทุกชนิด การปะทะกันทางอาวุธ และการก่อความไม่สงบอื่นๆ ในทันที ข้าพเจ้าในฐานะโฆษกและผู้นำของกลุ่มใต้ดินรวมขอให้ทุกหน่วยหยุดปฏิบัติการก่อความไม่สงบต่างๆ โดยทันที และโดยเฉพาะอย่างยิ่งหน่วยต่อสู้ที่ยังไม่ได้รับทราบคำสั่งนี้มาก่อน จากการประกาศแถลงการณ์ประกาศการตัดสินใจของพวกเราในวันนี้ หากบุคคลหรือกลุ่มใดก็ตามที่ไม่เกี่ยวข้องกับกลุ่มใต้ดินรวมของเราได้กระทำการใดๆ ขัดขืนต่อคำสั่งประกาศการหยุดยิงของเรา ไม่ว่าจะเป็นการก่อความไม่สงบต่างๆ การลักพาตัว หรือการปะทะต่อสู้ต่างๆ พวกเราถือว่าพวกนี้เป็นพวกอาชญากรที่จะถูกตามจับ และหากจำเป็นก็จะถูกกำจัด
พวกเราพร้อมและยินดีที่จะอยู่ใต้เบื้องพระยุคลบาทของพระเจ้าอยู่หัวและสนับสนุนการเป็นหนึ่งเดียวของประเทศไทยภายใต้กฎของรัฐบาลไทย พวกเราต้องการเข้าสู่สถานการณ์ที่สงบสุขและมีสันติภาพ พี่น้องประชาชนที่รัก เราควรตระหนักถึงการหยุดยิงนี้ว่า เป็นการประทานพรจากพระเจ้าสำหรับประชาชนทางภาคใต้และประชาชนชาวไทยทั่วประเทศ เพื่อที่จะแสดงออกถึงความกตัญญูและความผูกพันที่มีต่อประเทศที่เรารัก ผู้นำทางศาสนาและผู้นำทางด้านการเมืองของเราทุกระดับจะจัดการชุมนุมและการเฉลิมฉลองเพื่อให้พี่น้องเห็นถึงผลดีในการยิงหยุดนี้
พวกเราสนับสนุนให้ประชาชนทุกศาสนาในภาคใต้ โดยเฉพาะชาวพุทธและชาวมุสลิมให้อยู่รวมกันอย่างสงบสุข พวกเราปรารถนาให้ประเทศเพื่อนบ้านได้มาร่วมในการให้คำปรึกษาในการแก้ไขปัญหาการขัดแย้งนี้ด้วย พี่น้องประชาชนชาวไทยที่รัก ความต้องการสูงสุดของข้าพเจ้าและกลุ่มคือการยุติการนองเลือดและการสูญเสียชีวิตของประชาชนทางภาคใต้ของประเทศไทยตลอดไป เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้กลับมาอยู่ร่วมกันอย่างมีสันติสุข
ข้าพเจ้าขอย้ำให้ประชาชนชาวไทยทราบอีกครั้งว่า หน่วยกำลังของกลุ่มใต้ดินทุกหน่วยจะหยุดปฏิบัติการก่อความไม่สงบทุกชนิดนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พี่น้องประชาชนชาวไทยที่รัก พวกเราทุกคนมีพระเจ้าองค์เดียวที่พวกเราต่างเชื่อถือและพวกเราทุกคนต่างรักและเคารพพระเจ้าอยู่หัวองค์เดียวกัน ขอให้พระเจ้าคุ้มครองพระเจ้าอยู่หัวของเราและประชาชนของเรา พวกเราปรารถนาให้มีความสงบสุขและสันติภาพเกิดขึ้นนับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปและตลอดไป
------------------------------------------
ก่อนหน้านี้ พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร หัวหน้าพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา (รช.) ในฐานะอดีตผู้บัญชาการทหารบกและอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ในรายการพิเศษทางช่อง 5 ถึงกรณีการเผยแพร่เทปบันทึกภาพคำประกาศของกลุ่มใต้ดินรวมภาคใต้ของประเทศไทย โดยหัวหน้ากลุ่มใต้ดินรวมภาคใต้ของประเทศไทยและหัวหน้าฝ่ายทหารกลุ่มใต้ดินรวมภาคใต้ของประเทศไทยร่วมกันประกาศหยุดปฏิบัติการในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตั้งแต่วันที่ 17 ก.ค. เวลา 12.00 น.เพื่อสนับสนุนให้เกิดสันติภาพในภาคใต้ของไทย ว่า ตนเคยให้สัมภาษณ์ก่อนเกษียณอายุกับผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ไว้แล้วว่า ถ้ามีสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่เป็นเรื่องของบ้านเมือง หรือของสังคมที่ให้ทำได้ ก็พร้อมจะทำในทุกเรื่อง ซึ่งความรับผิดชอบก็ยังมีอยู่
พล.อ.เชษฐา กล่าวต่อว่า ครั้งดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ.เหตุการณ์จะไม่รุนแรงเท่าปัจจุบัน แต่ก็มีเหตุการณ์เกิดขึ้นเป็นระยะๆ ทั้งนี้ ก็ค่อนข้างทราบดีว่าต้นเหตุของปัญหาเป็นอย่างไร ได้ศึกษามาอย่างต่อเนื่อง สมัยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ก็ขาดการประชุมหลายครั้ง เพราะมีคำสั่งต้องไปดำเนินการ 'เมื่อเรามีความรับผิดชอบอะไรแล้ว ซึ่งปัญหายังเกิดอยู่ ยังไม่หมด แล้วมันก็เกิดความเสียหายมากจะให้ผมรู้สึกอย่างไร ผมก็ยังมีความผิดอยู่ในฐานะที่เป็นผบ.ทบ.ทำไมไม่หยุดยั้งให้จบในช่วงนั้น หรือครั้งที่เป็น รมว.กลาโหม ก็ยังไม่จบ ซึ่งขณะนี้ก็มีหลายวิธีการดำเนินการหลายอย่าง ทั้งบนดินและใต้ดิน เนื่องจากเรื่องความไม่สงบในพื้นที่ ไม่ใช่เรื่องเล็ก' พล.อ.เชษฐา กล่าวและว่า ได้ตกลงเวลากันอย่างเป็นทางการ ในเวลา 12.00 น.เรื่องเวลาเป็นเรื่องสำคัญ ประกาศแล้วต้องมีผล ณ นาทีนั้นเป็นต้นไป ซึ่งก็ยังเป็นห่วงอยู่ จะเป็นอย่างไรก็ตาม เมื่อเขาประกาศแล้ว ยืนยันว่าเขาเป็นตัวแทนหัวหน้ากลุ่ม ต้องทรงความศักดิ์สิทธิ์ในการหยุดยั้ง ยอมรับว่ามีหลายกลุ่ม แต่อันนี้รวมเป็นกลุ่มเดียวกัน ในนามของกลุ่มใต้ดินทั้งหมด ส่วนชื่อก็ต้องขอเก็บเอาไว้ เมื่อพูดแล้วผู้ใต้บังคับบัญชาต้องฟังเขาทั้งหมด ซึ่งการถ่ายทอดก็จะไปถึงประเทศมาเลเซียด้วย อย่างน้อยที่ชัดเจน คือ 2 ภาษา คือ ภาษายาวี และ ภาษาไทย โดยมีเนื้อหาในการยุติการปฏิบัติการ พล.อ.เชษฐา ยืนยันว่า เรื่องดังกล่าวต้องไม่มีเงื่อนไขต่อรอง ถ้ามีเงื่อนไขเราก็ไม่สามารถนำมาเผยแพร่ได้ เขาถือว่าเป็นคนไทยก็ต้องแสดงเจตนาชัดเจนว่าต้องการหยุดเพื่อให้เกิดความสงบสุขในภาคใต้ ส่วนเรื่องข้อต่อรองนั้นจะต้องไม่มี
เมื่อถามว่า หากในช่วงบ่ายเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบอีกจะทำอย่างไร พล.อ.เชษฐา กล่าวว่า ถ้ามันเกิดจริงๆ ก็ช่วยไม่ได้ แต่ก็ต้องแยกแยะ ไม่ใช่รวมกันกับเรื่องการยิงกันเองหรือ ฆ่ากันเอง ต้องตัดออก เรื่องนี้ขอฝากไปถึงฝ่ายทหาร ตำรวจและฝ่ายปกครอง
'ไม่อยากให้รัฐบาลหรือกองทัพรับลูกทันที เพราะยังไม่แน่นอน เรื่องดังกล่าวผมขอรับผิดชอบเอง อย่างน้อย 30 วัน จะต้องไม่เกิดเหตุ เขาก็รับประกัน เพราะฉะนั้นอีก 3 - 4 วัน ก็จะรายงานอย่างเป็นทางการให้ทราบผ่าน ผบ.ทบ.ไปสู่รัฐบาล' พล.อ.เชษฐา กล่าวต่อข้อซักถามที่ว่า ได้รายงานให้ผู้ใหญ่ทราบเรื่องนี้หรือไม่ พล.อ.เชษฐา กล่าวว่า ไม่เป็นทางการ คงทราบอยู่แล้วว่าทำอะไรอยู่ แต่ยังไม่เป็นทางการ ขอดูทิศทางให้ชัดเจนก่อน
พล.อ.เชษฐา กล่าวอีกว่า ในเวลา 14.00 น.จะให้สัมภาษณ์อีกครั้ง ภายหลังจากที่เขาแถลงแล้ว เพื่อบอกว่าเรารู้สึกอย่างไร เราจะทำอย่างไร ต่อคำแถลงการณ์เราวิเคราะห์ออกมาเป็นอย่างไร แต่เรายืนยันว่าจะเป็นไปตามสัญญา สัจจะความเป็นลูกผู้ชายที่ปฏิบัติต่อกัน
ที่มา : www.manager.co.th

วันพฤหัสบดีที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

>>>>"สนธิ"ย้ำ ครม.ขายชาติทำเสียดินแดนเพิ่ม

"สนธิ"ย้อนประวัติศาสตร์อันคั่งแค้นที่ไทยต้องสูญเสียปราสาทพระวิหารในอดีต แฉ "นพดล" แอบไปลงนามขายชาติยกให้เขมรไปตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค.แล้วและมีผลสมบูรณ์แล้ว ชี้ถ้ายูเนสโกไฟเขียวจะทำให้ไทยต้องเสียพื้นที่โดยรอบอีก 2.5 ตารางกิโลเมตรไปด้วย ระบุถ้าเป็นอย่างนั้นจริงคนพวกนี้จะต้องตายทั้งคณะถึงจะสาสม

เมื่อวันที่ 3 มิ.ย.51 นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ขึ้นเวทีโดยได้เปิดเทปบันทึกรายการยามเฝ้าแผ่นดินที่ออกอากาศ 9 พ.ค.ที่ผ่านมาที่กล่าวถึงประวัติศาสตร์ตั้งแต่สมัยการก่อสร้างประสาทพระวิหารในยุคขอมโบราณที่ไม่ใช่คนเขมรในปัจจุบัน จนกระทั่งมาถึงในยุคที่ไทยต้องพ่ายแพ้คดีในศาลโลก เมื่อ 46 ปีก่อน แต่ไทยก็สงวนสิทธิ์ในการเป็นมีกรรมสิทธิ์ครอบครองปราสาทพระวิหารมาตลอด นายสนธิ ย้ำว่าที่ผ่านมาไทยได้เสนอขอให้มีการพัฒนาร่วมกัน และถ้าขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกต้องก็ต้องเสนอร่วมกัน เนื่องจากถ้ายอมให้กัมพูชาเสนอขอขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแต่เพียงฝ่ายเดียวจะทำให้ต้องสูญเสียพื้นที่โดยรอบปราสาทประมาณ 2.5 ตารางกิโลเมตรไปด้วย
"ต้องบอกว่าคณะรัฐมนตรีชุดนี้ต้องโทษขายชาติ และต้องติดคุกทั้งคณะ" นายสนธิ ระบุ พร้อมทั้งย้อนอดีตให้ฟังอีกว่า ในการก่อสร้างในยุคโบราณต้องสร้างจากฝั่งไทยเพราะฝั่งกัมพูชาเป็นภูเขาสูง และที่สำคัญคนไทยเป็นคนค้นพบปราสาทพระวิหาร ซึ่งคนที่ค้นพบดังกล่าวคือ กรมหลวงสรรพสิทธิ์ฯพระโอรสในรัชกาลที่ 5 ขณะที่ทรงดำรงตำแหน่งเป็นผู้ว่าการมณฑลภาคอีกสานเมื่อกว่าร้อยปีก่อน และยังมีการจารึกชื่อปรากฎเอาไว้ชัดเจน
นายสนธิ ยังได้ยกตัวอย่างการครอบครองปรปักษ์ ซึ่งไทยได้เคยครอบครองปราสาทพระวิหารมานานกว่าร้อยปี จนกระทั่งมาถึงยุคที่กัมพูชาได้ร้องศาลโลกในยุคของเจ้าสีหนุซึ่งมีความสัมพันธ์กับประเทศมหาอำนาจนักล่าอาณานิคม และการตัดสินก็ออกมาเป็นมติ 9 ต่อ 3 จะเห็นได้ว่าไม่ได้เป็นเอกฉันท์ และรัฐบาลไทยในอดีตก็ไม่ได้ยอมรับมตินี้ โดยได้ยื่นขอสงวนสิทธิ์ในประสาทพระวิหารมาตลอด นายสนธิ เปิดโปงอีกว่า เมื่อวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา นายนพดล ปัทมะ ได้แอบไปเจรจาตกลงให้กัมพูชายื่นจดทะเบียนเป็นมรดกโลกเพียงฝ่ายเดียว ถามว่าทำไมไทยไม่ยื่นร่วมกันไปด้วย มันจะหนักกบาลหรือเสียหายตรงไหนไม่ทราบ
อย่างไรก็ตามเขาได้ตั้งข้อสังเกตว่า สาเหตุที่ไม่ยื่นพร้อมกันเนื่องจากมีเบื้องหลัง และต้องการให้เกิดแผนที่ใหม่ที่จะทำให้พื้นที่บริเวณโดยรอบประมาณ 2.5 ตารางกิโลเมตร ที่เป็นของไทยต้องเสียไปด้วย นายสนธิ ยังตั้งข้อสังเกตอีกว่า หลังจากที่ศาลปกครองมีคำสั่งระงับการดำเนินการในแถลงการณ์ร่วมฯและให้คณะรัฐมนตรียุติการรับรองการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารของกัมพูชาเพียงฝ่ายเดียว แต่ถ้าสังเกตให้ดีหลังจากที่ศาลปกครองมีคำสั่งตั้งแต่วันที่ 28 มิ.ย.ที่ผ่านมา แต่รัฐบาลกลับทำท่าเฉยเมยไม่กระตือรือล้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นายสมัคร สุนทรเวช ใช้วิธีโทรศัพท์ไปถึงนายฮุนเซน แทนที่จะใช้วิธีส่งเอกสารเป็นลายลักษณ์อักษร นอกจากนี้ นายนพดล เพิ่งส่งคำสั่งศาลปกครองไปถึงองค์กรยูเนสโกในวันที่ 2 ซึ่งเป็นที่เริ่มพิจารณาเรื่องปราสาทพระวิหารกันแล้ว อยากถามว่าในวันที่ 28-29-30 มิ.ย.ถึงวันที่ 1 ก.ค.มัวไปทำอะไร มิหนำซ้ำนายนพดล ยังได้แอบไปทำสัญญายินยอมให้กัมพูชาไปตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค.ก่อนหน้านี้ไปแล้ว ทำให้ยูเนสโกยึดถือในการลงนามดังกล่าวรวมทั้งมติครม.ก่อนหน้านี้และถือว่ามีผลสมบูรณ์แล้ว
"ถ้ายูเนสโกบยอมให้เขมรขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกและกินอาณาบริหารพื้นที่โดยรอบเนื้อประมาณ 2.5 ตารางกิโลเมตรของไทยไปด้วย นายสมัคร นายนพดล และครม.ทั้งคณะ รวมทั้งเจ้ากรมแผนที่ทหาร อธิบกรมสนธิสัญญานอกจากจะต้องติดคุกหรือโดนประหารชีวิตในข้อหาขายชาติแล้วยังต้องตายพร้อมกันด้วย" นายสนธิ ระบุ

แกนนำพันธมิตรฯผู้นี้ย้ำว่า ในยุคที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในรัชกาลปัจจุบันทรงครองราชย์มาถึง 62 ปี ยังไม่เคยเสียดินแดนแม้แต่ตารางนิ้วเดียว แต่ต้องมีสูญเสียเพราะพวกจัญไรพวกนี้ และฝากไปถึงพี่น้องภาคอีสาน ให้รู้ว่า ส.ส.พรรคพลังประชาชนเป็นพรรคขายชาติ อย่าลืมพวกคนเหล่านี้เป็นอันขาด

แหล่งที่มา

ข่าว >>>> http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000078561

ภาพ >>>>

http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000078561

http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/95/95/images/31_7_50KaoPrawihan/550000009896002

http://hilight.kapook.com/admin_hilight/spaw2/imghilight4/news/kaoprawiharn_thairath